
วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2562
หนึ่งในเหตุการณ์ช็อคโลก ประจำปี พ.ศ.2562 เกิดเหตุเพลิงไหม้ ณ มหาวิหาร Notre Dame แห่งกรุง Paris สถานที่ประวัติศาสตร์แห่งสำคัญของโลก และแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งตั้งอยู่ ณ กลางกรุง Paris ในเบื้องต้น เจ้าพนักงานยังไม่รายงานถึงต้นตออันเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ หากแต่คาดการณ์ได้ว่าอาจเกิดจากการบูรณะวิหาร โดยภาพซึ่งปรากฏในโลกออนไลน์แสดงให้เห็นถึงกลุ่มควันจำนวนมากลอยอยู่เหนือมหาวิหารซึ่งมีอายุมากกว่า 850 ปี
เหตุการณ์ช็อคโลก ไฟไหม้วิหาร Notre Dame ณ กรุง Paris แบบไม่คาดฝัน
ช่วงเย็นของวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 เพลิงลุกไหม้มหาวิหาร Notre Dame ศาสนสถานโบราณอายุยาวนานกว่า 850 ปี ณ กรุง Paris ของประเทศฝรั่งเศส ทั้งนี้ยังไม่อาจทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงใหม่ หากแต่อาจมาจากการซ่อมแซมตัวอาคาร โดยภาพที่ปรากฏอยู่ในสื่อในสื่อ Social Media แสดงให้เห็นถึงกลุ่มควันลอยตัวอยู่เหนืออาคารสไตล์ Gothic อายุ 850 ปี ทางรัฐบาลและเอกชนเร่งเปิดระดมทุน ในปี 2017 เพื่อปรับปรุงตัวโบสถ์กำลังทรุดพังลงมา
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้นาย Emmanuel Macron ประธานาธิบดีฝรั่งเศส รีบรุดหน้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ และยกเลิกแผนการที่จะออกมากล่าวถึงเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้น เขากล่าวผ่านทาง Twitter ว่า ‘ความรู้สึกของผมในตอนนี้ ก็รู้สึกเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชาติทุกคน ผมรู้สึกเศร้าที่ต้องเห็นส่วนหนึ่งของชาติโดนไฟเผา’
ข้อมูลเกี่ยวกับวิหาร Notre Dame , Paris
- มีคนเข้าเยี่ยมมหาวิหารอันเก่าแก่แห่งนี้ประมาณ 13 ล้านคน/ปี ซึ่งตัวเลขของผู้มาเยือนเท่านี้มีจำนวนมากกว่าหอไอเฟล
- สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 – 13 และในปี 2019 กำลังเกิดการปรับปรุงครั้งใหญ่
- เมื่อสัปดาห์ก่อนวันที่ 19 มีการขนย้ายรูปปั้นหลายชิ้นไปปรับปรุงซ่อมแซม
- หลังจากเกิดเพลิงไหม้ หลังคามหาวิหารได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก และทำจากไม้เป็นส่วนใหญ่
โดยผู้สื่อข่าวของ BBC กล่าวว่า ไม่มีแห่งใด จะมาเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสได้มากเท่ากับอย่างมหาวิหาร Notre Dame อีกแล้ว ทางด้าน หอไอเฟล สถานที่อันเป็นคู่แข่งในฐานะสัญลักษณ์ประจำชาติ ก็มีอายุเพียงร้อยกว่าปีเท่านั้น หากแต่มหาวิหารแห่งนี้ตั้งมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1200
‘โดยมหาวิหารแห่งนี้มาจากชื่อ นวนิยายชื่อดังของฝรั่งเศสอย่าง The Hunchback of Notre Dame โดย Victor Hugo ครั้งล่าสุด วิหารแห่งนี้ทรุดโทรม คือ ช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส อีกทั้งยังผ่านสงครามโลกมาได้ถึง 2 ครั้ง หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่ได้รับความเสียหายหนักๆอะไรอีกเลย’ โดยผู้สื่อข่าวของ BBC ได้กล่าวต่อว่า ชาวฝรั่งเศสคนใดก็ต่าง ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าสมบัติของชาติถูกไฟเผาผลาญ ด้วยแรงอันโหมกระหน่ำ