วินมอเตอร์ไซค์ประท้วง Grab กับปัญหาที่บานปลาย

วินมอเตอร์ไซค์จำนวนกว่า 2,000 คัน ได้มารวมตัวกันประท้วงระบายความอัดอั้น หน้าอาคารธนภูมิ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โดยเป็นสถานที่ตั้งของสำนักงาน Grab ประเทศไทย โดยพวกเขามาพร้อมกับพวงหรีดรวมทั้งป้ายเขียนข้อความประท้วงเพราะต้องการเรียกร้องให้ Grab ประเทศไทย ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ไม่นำรถมอเตอร์ไซค์ป้ายขาวมารับผู้โดยสาร

ป้ายประท้วงพร้อมข้อความแสดงถึงความอึดอัด พวงหรีด ถูกนำมาวางไว้ พร้อมเสียงตะโกนอันกึกก้อง “ไม่เอา  GrabBike !!!” ดังขึ้นเป็นระยะๆ นอกจากนี้ยังมีการเผาเสื้อวินแบบสดๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ประท้วงความไม่เป็นธรรม เนื่องจากพวกเขาเห็นว่า ทางรัฐบาลทำการจัดระเบียบและเข้มงวดกับวินมอเตอร์ไซค์มาก แต่กลับละเลยกับบริษัทต่างชาติที่เข้ามากระทำผิดกฎหมาย

นาย สันติ ปฏิภาณรัตน์ ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำวินมอเตอร์ไซค์ กล่าวว่า วินมอเตอร์ไซค์ปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้องทุกอย่าง กว่าจะได้ใบขับขี่ กว่าจะได้เสื้อวินอย่างถูกต้อง ต้องผ่านการสอบด้วยความยาก

อีกทั้งยังยืนยันว่าวินไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยี แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องทำตามกฎหมาย ไม่นำรถป้ายขาวมาวิ่งรับ- ส่งผู้โดยสารเช่นนี้ นอกจากนี้ถ้าในอนาคตมีการนำรถป้ายเหลืองมาวิ่ง GrabBike อย่างถูกต้องแล้ว ก็จำเป็นต้องจำกัดขอบเขตไม่ให้เรียกข้ามพื้นที่ได้

ส่วนผู้ประท้วงอีกคนหนึ่ง ชื่อ ปัททมศรี ไกรรส เป็นวินอยู่ปากซอยสุขุมวิท 33 กล่าวว่า ตอนนี้สังคมมองว่าวินมอเตอร์ไซค์เป็นมาเฟีย รวมทั้งมีปัญหาในเรื่องค่าโดยสารที่แพงกว่า ตนเองก็อยากออกมาพูดว่า คนขับ Grab ได้ส่วนต่างจากบริษัท เนื่องจากเขาใช้เงินทุนมาทุ่มตลาด แต่แล้ววินมอเตอร์ไซค์กลับตกเป็นผู้ร้ายเสียอย่างนั้น

การประท้วงในครั้งนี้ วินทั้ง 2,000 คน ตั้งใจมาทวงถามคำสั่ง กอ.รมน. ที่ให้หยุดใช้ป้ายขาววิ่งรับ-ส่งผู้โดยสาร กรณีวิ่งส่งเอกสารหรือ Delivery สามารถทำได้ แต่ถ้ารับคนต้องเป็นป้ายเหลืองเท่านั้น”

ต่อมา ตัวแทนผู้บริหาร Grab ประเทศไทย เดินทางลงมารับหนังสือ พร้อมการรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด ทางด้านตัวแทนผู้บริหาร Grab ประเทศไทยรับปากว่าจะนำเอกสารนี้ ไปส่งถึงมือผู้บริหารให้ โดยที่แกนนำวินมอเตอร์ไซค์มีความคาดหวังว่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียกประชุมร่วมกันระหว่าง Grab ประเทศไทย และวินมอเตอร์ไซค์ เพื่อหาทางออกร่วมกัน อย่างไรก็ตามแม้วินมอเตอร์ไซค์จะไม่ค่อยพอใจกับท่าทีของ Grab ประเทศไทยสักเท่าไหร่ ที่แค่ส่งตัวแทนมารับหนังสือเท่านั้น แต่การรวมตัวก็จบลงด้วยความสงบ ทุกคนต่างแยกย้ายกลับไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพกันต่อไป พร้อมใจรอคอยด้วยความหวังว่าปัญหาเหล่านี้จะได้รับการแก้ไข